CLEAN & CLEAR แนวทาง รีโนเวท จาก ห้องนอน รกๆ สู่ห้องนอนแห่งความฝัน!!


clean-clear-bedroom renovation walkthrough (1)

ห้องนอนแบบเรียบๆ รกๆ เฟอร์นิเจอร์จืดๆ ธรรมดาๆ ดูๆไปแล้วก็น่าเบื่อ
สำหรับในคราวนี้ ทางทีมงานในบ้าน ได้ไอเดียการรีโนเวทห้องนอนที่น่าสนใจ จากคุณ เด็กสร้างงาน แห่งเว็บบอร์ด Pantip ครับ ในวันนี้เราจะยกให้เจ้าตัวเป็นพิธีกรเองเลย อิอิ เชิญรับชมได้เลยครับ

‘CLEAN & CLEAR’ แนวทางรีโนเวท จากห้องนอนรกๆ สู่ห้องนอนแห่งความฝัน!!
(โดยคุณ เด็กสร้างงาน )

clean-clear-bedroom-renovation-walkthrough-28

ตอนที่ 1 ว่าด้วยเรื่อง “การซื้อของที่ชอบ และเจอพนักงานที่ใช่”
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไปเดินหาของแต่งห้องนอนใหม่ หลังจากที่ได้มีการสอบถามราคาจากพี่ๆน้องๆใน pantip http://pantip.com/topic/32527305 เพื่อเช็คกำลังเงินในกระเป๋าว่าไหวไหม? จนได้คำตอบว่า “ถ้าจ้างเขา เราไม่ไหวแน่” เพราะเงินที่อยากทำห้องนอนมีไม่ถึงแสน เป็นแค่มนุษย์เงินเดือนขั้นต่ำ จนวันนี้ได้ไปเดินดูของจริง!! เช็คราคากันจริงๆ ที่ฟิวเจอร์รังสิต เพราะใกล้บ้านสุดและของเยอะดี มีทั้ง index, home pro, sb design ,etc .
การเดินครั้งนี้กะว่าจะไปสั่งของแน่ๆ สุดท้ายได้กลับมาแต่โบยชัวร์เต็มกระเป๋า เพราะอะไรอะหรอ เพราะความคิดตื้นๆ ว่าแค่วัดขนาดห้องก็เพียงพอแล้ว (โง่มากที่คิดแบบนี้ ฮ่าๆบ่นกับตัวเอง)
เมื่อไปถึงก็เดินๆ ถามๆ คิดๆ จนพนักงานหน้างอคนนึงไม่อยากจะตอบ ไม่อยากจะเดินตาม ขอไม่เอ่ยว่าค่ายไหนนะจ๊ะ เราคนจ่ายตังค์เราก็อยากได้ของที่ดี ถ้าเขาเมื่อยก็ไม่เห็นต้องเดินตาม ไม่เห็นต้องหน้าบึ้งเซงๆนี่นา (คิดในใจตอนนั้น) จึงตัดสินใจเดินออกมาดีกว่า
สุดท้ายมาจบที่ค่ายนี้เพราะจากรีวิวที่แล้ว เราเคยเจอพนักงานที่ดีคนนึงจากสังกัดนี้ จึงตัดสินใจมาเดิน Home pro พอดีมีงาน 18ปี มีป้าย SALE ตาลุกวาวกันเลยทีเดียว *0* ที่ชอบที่นี่เพราะของเยอะ แถมของซ่อมบ้านราคาถูกกว่าร้านแถวบ้าน เมื่อเวลาเลยผ่านไป เดินเอง เลือกเอง เถียงกันเอง 2 คน จนตัดสินใจว่าจะสั่งและ เอา 1 ในชุดนี้แน่ๆ

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (2)

จนมาเจอพี่คนนึงชื่อ “กระแต” อยู่โซนของ SB พี่เขายิ้มแย้ม ถามเป็น 10 อย่างไม่บ่นสักคำ ใครอยากได้คำปรึกษาแนะนำเลยค่ะ และที่เราไม่ได้สั่งของก็เพราะ พี่เขานี่แหละที่เบรก เอี๊ยดดดดด…..
” ก่อนแต่งบ้านควรวัดขนาดทุกสิ่งให้แม่นเป๊ะ ก่อนที่จะพลาดเสียค่าโง่” นี่คือสิ่งที่เราได้จากการไปเลือกของครั้งนี้ ขนาดความสูงจากหน้าต่าง ระยะห่างจากขอบบน/ล่าง ระยะปลั๊ก ขนาดปะตู บลาๆ พี่เขาบอกมาต้องวัดให้ดีเพื่อที่เราจะไม่เสียค่าขนส่งไปมาเวลามีอไรที่มันผิดพลาด ท้ายสุดของวันนั้นจึงจบที่การขอเบอร์ ขอไลน์เพื่อให้พี่เขาทดลองวางของในโจทย์ที่เราอยากได้ จบ 1 วันเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ไร้สาระมาก ^^” อาทิตย์หน้าเจอกันเตียงนุ่มๆ ^^

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (3)

ตอนที่ 2 ว่าด้วยเรื่อง “การเก็บกวาด ซ่อมแซมของเก่าใช้เงินเท่าไหร่”
ณ วันที่ 7/09/57 ขั้นตอนนี้ไม่มีอะไรมาก แค่ท่องว่า ” เลือกแต่ของที่ใช้ ใจแข็งทิ้ง” เรื่องนี้ทำใจลำบากสำหรับคนเป็นพ่อแม่มาก
เพราะท่านเป็นนักเก็บสะสมตัวยง ฮ่าๆ
อุปกรณ์ที่ใช้
1. Putty/Filler (79-105 บาท ซื้อที่โฮมโปร) อุดร่องแตก ปูนแตกทุกที่ที่คิดว่าทาสีแล้วจะไม่เนียน
2. เกรียงพลาสติก (แถมมาฟรีในกระปุก) เอาไว้ปาด Putty/Filler ให้เนียนๆ
3. เป็ดก๊าบๆ หรือน้ำยาทำความสะอาดพื้น (ฟรีของแม่)
4. แปรงที่คิดว่าขัดพื้นได้ (ฟรีของแม่)
5. ผ้าเก่าๆ เกงขาดๆ (ฟรีของพ่อ)
สรุปใช้เงินไป 79 บาทสำหรับขั้นตอนนี้ ถ้าใครไม่มีเกรียง ร้าน 20 บาททุกอย่างมีขายค่ะ เดินเข้าไปบอกเขาได้เลย (บางร้านอาจไม่นำมาขาย) ทางที่ดีตอนซื้อ putty เขย่าฟังเสียงแกร๊กๆ แสดงว่ามีแน่นอนประหยัดไป 20 บาทเชียวนะ ^^

ตอนที่ 3 ว่าด้วยเรื่อง “ทาสีห้องใหม่ ใช้เงินเท่าไหร่”
ครั้งนี้การทาสีห้องตอนแรกเดิมที อยากทาสีห้องตามแบบที่ตั้งใจ คือจะเป็นโทนสีดำ แต่ดันไปอ่านเจอสีที่ไม่ถูกโฉลกกับตัวเองคือโทนสีดำ ดังนั้น…………ในเมื่อเราไม่เชื่อ แต่เราก็ไม่อยากขัดไปเสียทีเดียว เราจึงเปลี่ยนสีค่ะ แต่สีอะไรนั้นก็ยังไม่รู้กะไปเลือกที่หน้าศูนย์ผสมสีสดๆ แค่คิดเล่นๆว่าอยากได้โทน สีฟ้า เขียว เมื่อไปถึงเคาร์ผสมสีที่โฮมโปร พี่พนักงานกลุ่มเดิมจากกระทู้แรก(Faux Brick) ก็เอาแคตตาล๊อกสีมากางให้เลือกกันแบบเต็มที่ จนเรียกว่า “ตาลาย”
ใครที่อยากทาสีห้องใหม่ ขอแนะนำว่าให้คิดไปก่อน ดีที่สุดค่ะ หรือหาภาพสีที่อยากได้ไปบอกพี่เขาเลยจะดีมาก เพราะถึงเวลาจริงมันเลือกยากมาก และเสียเวลาสุดๆ เพราะเราใช้เวลาในการเลือกสีเกือบ 1 ชม. เต็ม ฮ่าๆ สีที่เราเลือกคือสีตรงที่ลูกศรชี้ ยิ้ม

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (4)

อุปกรณ์ที่ใช้
1. สีทาห้องอะคิริค Jotun สำหรับทาห้องกว้าง 3 เมตร สูง 2.5 เมตร ยาว 3.5 เมตร 1570 บาท (ได้ส่วนลดจากพี่ที่เคาเตอร์สี 100 บาท เหลือ 1470)
2. แปรงทาสี 2 อัน (ฟรีจากของเดิมที่มี ถ้าซื้อใหม่ราคา 30-50 บาท)
Advertisement

3. พู่กันเล็กๆ ปากแบน 2 เบอร์ (ราคา 2 อัน 30-50 บาท)
4. ผ้าเก่าๆ (ฟรีขอแม่)
5. แปรงทาสีแบบลูกโรล (ฟรีของพ่อ ถ้าซื้อใหม่ 65 บาท)
6. ถาดใส่สี (ฟรีของเดิมที่มี ถ้าซื้อใหม่ราคา 80 บาท)
7. สีน้ำมัน สีขาว สำหรับทาเหล็ก,ไม้ (ราคา 150 บาท)
ขั้นตอนการทาสีไม่มีอะไรยาก (มั้งนะ คิดเอง เออเอง ไม่มีหลักการใดๆ) ทาให้เรียบกลิ้งให้ทั่วห้อง เป็นแนวฟันปลา หาดูได้จากคลิปในยูทูป เพราะเราเรียนจาก ครู Youtube เหมือนกันค่ะ แต่ก่อนทาอย่าลืมขัดที่โป๊อุดรอยด้วยกระทรายให้เนียนเรียบก่อนนะค่ะ และตามด้วยการแบ่งสีใส่กระป๋อง เริ่มทาบริเวณตรงขอบของกำแพงแต่ละด้าน มุมต่างๆ ขอบเพดาน ของที่ติดกับขอบบัวต่างๆ ด้วยแปรงที่ถนัดๆมือก่อน แล้วจึงค่อยกลิ้งลูกกลิ้งให้ทั่วห้องค่ะ
ตรงไหนที่เข้าถึงยาก กลัวแลบ กลัวเลอะก็เว้นไว้มาเก็บที่หลัง
ส่วนบัวหรือขอบล่างที่เป็นไม้ ขอบหน้าต่าง ขอบประตู เราทาด้วยสีน้ำมัน (เหมาะกับการทาไม้ ทาเหล็ก พนักงานบอกมา) ค่อยๆลาก ค่อยๆปาด ทาจนทั่วห้อง (เหม็นมาก กรุณาใส่หน้ากาก) มือใหม่อาจไม่เป๊ะเว่อร์ขออภัย

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (5)

สิ่งที่เจอจากของจริง ถ้าถามเราที่ไม่มีความรู้ด้านนี้ และยังไม่เคยทาสีใหม่ยกห้อง ขอบอกว่ายากตรงขอบๆค่ะ ทาแลบมาโดนบัวเลอะ เพดานก็เลอะ 5555+ แต่ถ้าคิดว่ากลัวเลอะแบบเราให้ใช้เทปกาวติดขอบด้านที่ไม่ต้องการทาก่อน แล้วค่อยทาจะดีกว่า ^^ อีกเรื่องที่อยากบอกเพราะเจอกับตัวเองคือสีที่เลือกมาทา กับเวลาทาจริงและแห้งแล้วสีจะเข้มขึ้นอีก 5%
สุดท้ายสรุปว่า ทาทั้งห้องเหลือสีครึ่งแกลลอน เพราะเราทาแค่รอบเดียวก็ถือว่าโอเคสำหรับเราแล้ว แต่พี่ที่เคาเตอร์คำนวณสำหรับทา 2 รอบจึงเหลือ ยอดเงินที่ใช้ไปประมาณ 1700 บาทแบบเหลือทาได้อีก 1 ห้องด้วยค่ะ

ตอนที่ 4 ว่าด้วยเรื่อง “D.I.Y Board & Batten แบบฉบับเด็กสร้างงาน ใช้เงินเท่าไหร่”

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (6)

จากเดิมภาพในโลกแห่งความฝัน มีส่วนที่เป็นบอร์ดกรอบๆ ที่ผนังห้อง เห็แนแล้วอยากทำมากมาย แต่ติดที่ว่าไม่รู้เรียกว่าอะไร จึงไปค้นดูรูปใน Pinterest จึงได้ความว่า เขาเรียกกันว่า “Board & Batten” (อย่าถามคำแปลนะ บอกเลยไม่รู้ รู้แต่ว่าเราเจอสิ่งที่เราต้องการ)
เมื่อได้ชื่อของมัน ก็ตามหาวิธีทำแบบ D.I.Y เจอแต่ของฝรั่ง ฟังไม่ออก เดาจากภาพล้วนๆ อาจมีการใช้งานบางอย่างผิดพลาดไปบ้าง ทุกอย่างใช้ครูกูเกิลค่ะ (ด้านล่างเป็นตัวอย่างคลิปที่เอามาเป็นแบบ)


clean-clear-bedroom renovation walkthrough (7)

อุปกรณ์ที่ใช้
1. สีทาห้องอะคิริค ยี่ห้ออะไรก็ได้ สีขาว (ราคาประมาณ 150 บาท )
2. แปรงทาสี (ฟรีจากของเดิมที่ทาห้อง ) 
3. พู่กันเล็กๆ ปากแบน (ฟรีจากของเดิมที่ทาห้อง ล้างน้ำเปล่า) 
4. ผ้าเก่าๆ (ฟรีขอแม่) ไว้เช็ดรอยเลอะๆ
5. ไม้ MDF หนา 0.5 มม. (แผ่นละ 240 บาท กว้าง 1.20 ม. ยาว 2.40 ม.)
6. กระป๋อง สำหรับแบ่งสี (กระป๋องมาม่า กระป๋องข้าว 7-11 ล้างสะอาดๆ)
7. สว่าน (ฟรีของพ่อ)
8. พุก / น๊อต (2 อย่าง ไม่เกิน 50 บาท เช่นพุก 100 ตัว 12 บาท แต่เราใช้งานนี้อย่างละ 13 ตัว)
9. กาวตะปู (ราคา 175 บาท)
10. ตัวยิงกาวตะปู (ราคา 45 บาท)
11. สีน้ำมัน สีขาว (ฟรีเหลือจากทาขอบบัว ขอบหน้าต่างบลาๆ ตอนที่ 3)

ขั้นตอนการทำ
1. นำไม้ MDF ไปตัดให้ได้ขนาดและขัดขอบให้เรียบเนียน ตามร้านไม้บางร้านจะมีบริการตัด แต่งานนี้อาศัยน้องแถวบ้านตัดให้ค่ะ โดยของเราจะใช้ขนาดกว้าง 3 นิ้วเท่ากันหมด แต่ความสูงจะปรับเปลี่ยนตามความพอใจ รายละเอียดมีตามนี้
- ไม้ สูง 90 เซน 6 ชิ้น (สำหรับวางแนวตั้ง ด้านข้างหน้าต่าง 2 ฝั่ง ฝั่งละ 3 ชิ้น )
– ไม้สูง 74.5 เซน 3 ชิ้น (สำหรับวางแนวตั้ง ใต้ขอบหน้าต่าง)
– ไม้สูง 93 เซน 2 ชิ้น (สำหรับวางแนวนอน ด้านข้างหน้าต่าง 2 ฝั่ง)


clean-clear-bedroom renovation walkthrough (8)

2. ทาสีน้ำมัน สีขาวบนไม้ทั้ง 2 ด้าน และขอบรอบด้าน พึ่งให้แห้ง
3. ทาสีผนังด้วยสีอะคริลิคสีขาว ตรงส่วนครึ่งล่าง ด้านที่ต้องการทำ

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (9)

4. เมื่อสีขาวที่ทาห้องแห้ง และสีทีทาไม้แห้ง ให้มาร์กจุด ที่ต้องการจะยึดไม้
5. ใช้สว่านเจาะรูผนัง ใส่พุก และตามด้วยการวางไม้ ขันน๊อตใส่ช่องพุก (งานนี้เรายิงน๊อตเฉพาะด้านบน แต่ถ้าใครหาดูคลิกฝรั่งเขาจะยิงบน-ล่าง เนื่องจากบ้านเขาไม่ใช่ผนังปูนจึงง่าย แต่บ้านเราปูนเต็มๆ แถมพ่อหวงไม่ชอบให้เจาะผนัง เราจึงเจาะแค่ด้านบนพอเป็นพิธีให้รับน้ำหนักพอ) ขั้นตอนนี้พ่อขอทำให้เนื่องจากกลัวเสียของ ฮ่าๆ

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (10)

6. ทำตามข้อ 5 จนครบทุกอัน ส่วนอันแนวนอนด้านบน จะยิงน๊อต 2 ตัวค่ะ คือ หัวและท้าย
7. หลังจากที่ยิงน๊อตด้านบนของไม้ครบทุกอันจะพบว่าไม้ด้านล่างยังไม่ถูกยึด ดังนั้นเราจะใช้กาวตะปูเป็นตัวช่วย แทนการเจาะผนังค่ะ (เคล็ดที่อ่านเจอเขาว่ากันว่าให้ยิงกาวลงบนสิ่งที่ต้องการติด ประกบและดึงออกค้างไว้ 3-5 นาที และค่อยประกบแน่น จะช่วยให้แห้งเร็ว)

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (11)

8. เก็บรายละเอียดสีขาวที่ไม่เนียน ด้วยการทาทับ หากเนียนแล้วก็โชว์งานได้ ^^ ในภาพม่านยาวจัด ยังมิได้ตัด(ราคาม่านจะมาแจ้งตอนจบนะค่ะ)

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (12)

สิ่งที่เจอ สีน้ำมันที่ทาไม้ กับสีทาผนัง สีไม่เท่ากันเลยดูด่าง ดังนั้นเราจึงเอาสีอะคริลิคเพียวๆ ทาทับสีน้ำมันอีกครั้ง (พอดีถามจากห้อง pantip มีผู้รู้มาบอกไว้ว่าพอจะทาได้อยู่ โดยปกติไม้ MDF ไม่ถูกกับน้ำ) ส่วนขอบบนถ้าอยากให้งานสวยควรเลือกซื้อไม้ที่หนากว่าแนวตั้ง เพื่อเล่นระดับกัน เคล็ดไม่ลับแปรงทาสีอะคริลิคล้างได้ด้วยน้ำเปล่า ส่วนแปรงทาสีน้ำมันล้างด้วยน้ำมันสนนะค่ะ
ใช้เงินไปกับผนังประมาณตัวเลขก็ 660 บาท แต่ราคานี้สามารถทำได้ 2 ฝั่งของห้องนะค่ะ เพราะไม้ MDF ที่เราซื้อมาตัดได้แนวตั้ง 21 ชิ้น แนวนอนแผ่นยาว 2.4 ม. 3 แผ่น ส่วนกาวตะปูใช้ไป 1/2 หลอดต่อ 1 ฝั่ง
ตอนเมาส์เฉพาะกิจ ก่อนซื้อของจริง
สาระการเลือกซื้อของถูก ของดี ของลดราคาจากที่ต่างๆที่เราทำ ตั้งแต่เดินงาน SALE ของที่ต่างๆ หรือเดินดูของราคาตามริมถนนตลาดนัดเราก็เดิน เพื่อการศูนย์เสียเงินในกระเป๋าน้อยลง เราจะทุ่ม…..สุดติ่ง และแล้วรายการของที่ได้มาก็มีดังต่อไปนี้ ค่ายโฮมโปรเราเดินบ่อยตามที่บอก เราเคยได้ของถูกจากที่นี่มาหลายครั้ง (แต่ต้องช่วงงานลดราคาด้วยนะค่ะ เพื่อให้คุ้มค่า กรุณาเทียบราคา เทียบคุณภาพก่อนการเลือกซื้อเป็นดีที่สุด) เหมือนจะโปรโมตแต่เราได้ของถูกจริงจึงอยากบอกต่อ อารมณ์ประมาณว่าได้โปรตั๋วบินแอร์เอเชียถูก ดีใจบอกต่อ ^^ ฮ่าๆนอกเรื่องไกลละ
ว่าด้วยเรื่องของลดราคาที่เราได้มาจากการเดินจับจ่าย และแบกกลับมาเองได้โดยที่ไม่ต้องรอให้เสียเวลานานแบบเฟอร์นิเจอร์ ที่ 4 วันทำการ มีดังนี้ค่ะ
1. พรมผืนใหญ่ ไว้สำหรับวางปลายเตียง ได้มาในราคา 289 บาท (ซื้อโฮมโปร) จากเดิมที่ดูไว้เป็นพรมอย่างดีราคาสูงมาก 1900 กว่าบาท พอเจออันโปรโมชั่นเลยลดสเปก นุ่มเท้านิดหน่อย นุ่มกระเป๋าตังค์ดีกว่า

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (13)

2. พรมผืนเล็ก ไว้สำหรับวางเท้าใต้โต๊ะทำงาน ด้วยความเคยชินกันการชอบเอาเท้าถูกพรมที่ทำงาน กลับบ้านจึงติด ต้องหาพรมนุ่มนิ่มมาวาง จึงได้มาในราคา 180 บาท (ซื้อโฮมโปร) สีฟ้าลายทางเรียบๆแต่เก๋ เราชอบ

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (14)

3. รางม่าน แบบยืด-หดขนาดได้ ราคาชุด 399 บาท กับ 550 บาท (ซื้อโฮมโปร) โดยประมาณ มี 2 ราคาเพราะเราอยากได้ม่าน 2 ชั้น จึงซื้อ2 แบบมาซ้อนกัน แรกเริ่มเดิมทีกะซื้อที่ไดโซะ แต่มันมีแต่แบบสั้นเล็กๆ พริ้วๆ 60 บาท แต่ใช้ไมได้กับหน้าต่างบ้านเรา ทำให้เข็มทิศเปลี่ยน
4. ม่าน มีหลายแบบหลายราคา ที่ซื้อมาราคา 500 บาทนิดๆ จำราคาที่แน่นอนไม่ได้ สมัยนี้…..ผ้าม่านยังประหยัดพลังงานได้ โดยการสะท้อนแดดกลับเพื่อลดความร้อยภายในห้อง เออ…มันเจ๊งแต่ราคามันก็แพงตามคุณภาพ ใครกำลังถึงก็ซื้อลอง แต่อย่างเราเน้นเรียบๆประหยัดงบดีก่า 555+

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (15)

5. ปลอกหมอน 16×16 นิ้ว ซื้อมาในราคา 40 บาท (ซื้อผ้ามาเย็บเอง จากตลาดหัวรอ(อยุธยา) เมตรละ 40 บาท )

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (16)

6. โคมไฟ จริงๆเลือกไว้หลายแบบมาก เพราะความสวยของมันทำให้เลือกไม่ได้ สุดท้ายมีคนใจดีซื้อให้(เท่ากับได้ฟรี)
สิ่งที่คิดเอง …ใครที่อยากทำห้อง แต่งบ้าน เราแนะนำให้ไปเดินตามงานลดกระหน่ำราคาที่ต่างๆ ซื้อของที่มันไม่พุ ไม่พัง ค่อยๆสะสมไอเท็มเก็บไว้มันจะประหยัดตังค์ได้พอสมควรเลยค่ะ เช่น โฮมโปรที่ลดถึงวันที่ 24 กย , SB Furniture และก็อื่นๆอีกเยอะ อีกเรื่องค่ะก่อนไปเดินทำการบ้านไปนิดนึงนะ ดูของโปรโมชั่น แคตตาล๊อตผ่านเนต เชคราคาในอินเตอร์ หรือช่องทางอื่นๆ (ที่เราใช้ครั้งนี้ แคตตาล๊อก http://www.homepro.co.th/th/promotions/promotions/anniversary-28-aug-24-sep-0 , เชคข่าว promotion http://www.welovepro.com ) ในมุมมองของเราเอง อย่างงานที่เราไปเดินอันไหนถูกเราก็ซื้อเก็บๆมา พอถึงเวลาก็เอาออกมาตกแต่งบางครั้งการที่เราไปซื้อแบบรวดเดียวบางครั้งสินค้าที่เราอยากได้อาจจะลดราคาหมดไปแล้วก็เป็นได้ ยอมเหนื่อยหน่อยเพื่อไปเดิมตามงาน คุณอาจได้เงินในกระเป๋าคืนจากการเลือกซื้อของอีกด้วย(สรุปว่างานนี้เราได้เงินคืน 900 บาท จากการรูดบัตรเครดิต ดีใจเพราะงก)…

ตอนที่ 5 ว่าด้วยเรื่อง ” โลกความฝัน VS โลกความจริง จากมือตัวเอง “
ตอนสุดท้ายแล้วยาวมากเลยใช่ไหมค่ะ แฮะๆ เล่าแบบหมดเปลือกกันเลยทีเดียว รอบนี้งาน DIY ก็จะมีในส่วนของ Board&Batten และก็จำพวกหมอนอิงค่ะที่ทำเอง ราคาถูกกว่าจ้างเขาทำ จริงๆมีหมอนที่อยากลงวิธีทำ แต่เดียวจะยาวเกินพอและ ^^
ขอสรุปราการสินค้าที่เป็นจำพวกเฟอร์นิเจอร์ บลาๆที่หามาได้จากกิเลศที่ไม่เกินวงเงินในกระเป๋าตัวเอง
1. ชุดห้องนอน ที่เป็นตู้ เตียง ที่วางทีวี(ในภาพไม่มีให้ดู) ราคา 22900 บาท
2. โต๊ะคอม คางหมู 3000 บาทนิดๆ
3. เก้าอี้(ชอบมาก) ซื้อเพราะเห็นแล้วรัก 2900 บาท
4. กระถางต้นไม้ 129 บาท
เฟอร์นิเจอร์ใช้เวลาในการจัดส่ง 4 วันทำการนับตั้งแต่เราไปสั่งซื้อค่ะ ในระหว่าง 4 วันควรมีการเคลียร์ของเก่าในห้องให้โล่งเพื่อที่พนักงานจะมาติดตั้งได้สะดวกที่สุดค่ะ และการเขียนรีวิวล้างบางห้องนอนอันสกปรกครั้งนี้ถ้ารวมเฟอร์นิเจอร์ทุกสิ่งอย่างที่ซื้อไป เราใช้เงินไปประมาณ 4 หมื่นนิดๆค่ะ แต่ถ้าไม่รวมเฟอร์นิเจอร์ภายในห้องนอน ก็ประมาณ 3-5 พันบาทกับการซ่อมแซมและปรับเปลี่ยนม่าน รางม่าน ผนัง และของชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่นำมาประดับเพิ่มความพอใจให้กับตัวเองเวลาเดินเข้าห้องนอน ฮ่าๆ รีวิวนี้อาจไม่ตรงตามแบบเลยเพราะนั้นคือความฝัน แต่ความจริงเราทำได้แค่นี้ก็ดีใจละ…เหมือนจะปลอบใจตัวเอง

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (17)

ขั้นตอนการติดตั้ง

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (18)

โซนทำงาน ดูเหมือนโล่งเพราะของยังมาไม่ครบ

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (19)

ไอดอลขอเข้าเฟรม ฮ่าๆ

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (20)

ที่ซุกหัวนอน

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (21)

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (22)

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (23)


เปรียบเทียบแต่ละมุมที่ clean & clear ค่ะ

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (24)

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (25)

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (26)

สุดท้ายกับพาโนราม่าความโล่งของห้อง จากที่รกมานาน

clean-clear-bedroom renovation walkthrough (27)

ขอบคุณที่มีคนมาอ่านเรื่องยาวๆเรื่องนี้ ขอให้ทุกคนมีห้องนอนสวยๆ แล้วเวลากลับบ้านคุณจะสัมผัสความฟิน (^___^)
งบประมาณไม่ใช่ตัวแปลของทุกสิ่ง ความตั้งใจและปรับใช้เท่าที่เรามีคือสิ่งที่ดีที่สุดค่ะ …ราตรีสวัสดิ์

clean-clear-bedroom-renovation-walkthrough-28

รีวิว เปลี่ยนห้องนอนสุดรกที่อยู่มาเกือบ 10 ปี ให้เป็นห้องใหม่ในฝัน

สวัสดีครับ

เคยเห็นกระทู้ตกแต่งที่อยู่อาศัยให้ดูสวยงามมาก็หลายปีแล้ว

ครั้งนี้ได้โอกาสเปลี่ยนแปลงห้องของตัวเองบ้านแล้วครับ ไม่พูดมากดีกว่า เข้าเรื่องเลยก็แล้วกันครับ

ห้องที่จะทำใหม่นี้ คือห้องนอนของผมเอง อายุประมาณเกือบๆ 10 ปีแล้วครับ โดยมีขนาด 4 x 6 เมตร ซึ่งมีจุดที่เรียกว่าพลาดตอนออกแบบครั้งแรกนิดหน่อย นั่นคือเป็นห้องที่มีกระจกอยู่ถึง 3 ด้าน และกระจกทั้ง 3 ด้านก็รับแดด ทั้งวันเต็มๆ เรียกได้ว่าตอนกลางวันร้อนยังกะทะเลทราย เปิดแอร์ 23 องศา ยังเกือบจะเอาไม่อยู่



ส่วนความรก ก็อย่างที่เห็นในภาพครับ คือมีอะไรก็จะเอามาวางที่ชั้นวางทีวี (ทีวีไม่อยู่ชั่วคราว) และโซฟาอยู่อยู่หน้าเตียง เพราะตอนเลือกเฟอร์นิเจอร์ลืมคิดถึงการเก็บของใช้ทั่วไปเลยไม่มีตู้เก็บของเลย ในวันแรกๆ ก็โล่งดีนะครับ แต่พออยู่มาหลายปีเข้า ก็เริ่มทนไม่ไหว อยากจะหาจุดเปลี่ยนให้กับห้องนอนตัวเองบ้าง



โปรเจคที่วางไว้ตอนแรก จริงๆ มีแค่จะเปลี่ยนผ้าม่านใหม่ ให้สามารถกันแสงได้ (ม่านเก่ากันแสงแทบไม่ได้ เลยร้อนมากๆ) และเปลี่ยนม่านแบบพับที่หัวเตียง ให้เป็นมูลี่ เพื่อที่จะได้กันแสงที่สาดมาโดนหัวเพื่อปลุกผมในยามเช้าได้ (ทุกวันนี้เจอแสงแดดลอดม่านมาปลุกทุกเช้าแบบเก๋ๆ เรียกว่าตื่นด้วยความร้อน ไม่ต้องพึ่งนาฬิกาเลยครับ)

แต่เอาไปเอามา ไหนๆ ก็จะเสียเงินเปลี่ยนผ้าม่านยกชุดแล้ว ก็เลยวางแผนยกเครื่องห้องใหม่ทั้งหมด เพราะห้องเก่าก็อยู่มาเกือบๆ 10 ปีแล้ว ทำใหม่ทั้งทีกะจะเอาแบบว่าเหมือนย้ายบ้านใหม่กันเลยทีเดียว (เวอร์ไป!)



ขั้นตอนแรกคือการย้ายของออกจากห้องครับ พอย้ายเสร็จปุ๊ป อ้าว! ห้องเราก็ยังดูดีอยู่นี่ฝ่า แม่ผมถึงกับบอกว่า "จริงๆ เอาของออกหมดก็น่าอยู่นะ" ผมก็คิดในใจ "ขอเวลาผม 1 อาทิตย์เท่านั้นล่ะฮะ มันจะกลับมาเป็นเหมือนรูปแรกแน่ๆ"



จากนั้นก็เริ่มร่างแบบคร่าวๆ ก่อนครับ ด้วยการใช้โปรแกรมอย่าง SketchUp ร่างแบบขึ้นมา โปรแกรมนี้ใช้ง่ายครับ มั่วๆ อยู่วันสองวันก็ได้แบบห้องในฝันที่ต้องการมาแล้ว เบื้องต้นผมอยากจะเอาเตียงนอนมาไว้กลางห้อง ย้ายโต๊ะทำงานไปอยู่หลังเตียง เลือกใช้โซฟาตัวเล็กปลายเตียงแทน และเพิ่มตู้เก็บของ/เสื้อผ้า ขนาดใหญ่ 2-3 ตู้  ติดวอลเปเปอร์ใหม่ ลายอิฐสีเทาๆ ให้ดูมีลูกเล่นขึ้น และเลือกใช้โทน ส้ม/ดำ/ขาว ตัดกันไปมา

เอาล่ะ ได้เวลาลงมือจริงๆ แล้วครับ!



ขั้นตอนแรกสุดคือติดมู่ลี่ไม้ครับ ที่เลือกมู่ลี่เพราะคิดว่าตรงกับความต้องการในการใช้งานดีครับ เนื่องจากทุกวันนี้ หน้าต่างทั้งสองฝั่ง (หัวเตียง และปลายเตียง) เป็นหน้างต่างที่วิวคนละเรื่องกันเลย ฝั่งหัวเตียงถ้าเปิดจะพบกับต้นไม้สีเขียวของบ้านข้างๆ ที่ดันมาขึ้นตรงหน้าต่างผมพอดี ทำให้ได้มุมร่มรื่นใช้ได้ แต่ก็ต้องปิดตอนก่อนนอน เพราะตอนเช้าแดดจะแยงตามากๆ



ส่วนหน้าต่างฝั่งปลายเตียง วิวเป็นบ้านข้างหน้าที่อยู่ติดกันเต็มๆ ครับ แต่ก็ต้องเปิดรับแสงในบางโอกาส ดังนั้นเลยคิดว่าแบบมู่ลี่น่าจะตรงกับรูปแบบการใช้งาน ที่เปิดๆ ปิดๆ มากที่สุด เลยมาจบที่มู่ลี่ไม้คู่นี้



จากนั้นทำการโละส่วนของผ้าม่านแบบเลื่อน 2 ตอนที่อยู่ผนังฝั่งยาวออกทั้งหมด เปลี่ยนเป็นผ้าม่านกันแสงสีน้ำตาลเข้มแทน โดยผมเลือกใช้ม่านแบบเต็มพื้นที่ผนังเลยครับ ถึงแม้ว่าพื้นที่กระจกจะไม่ได้เต็มผนังก็ตาม แต่ก็กะว่ายังไงก็ไม่ได้เปิดม่านตรงนี้อยู่แล้ว เพราะรับแสงทั้งวันโดยตรง ก็เลยเอาคลุมแบบเต็มๆ เพื่อความสวยงามไปเลย ส่วนรางม่าน ผมเลือกแบบซ่อนไว้ข้างใน แลดูแกรนด์เล็กๆ (คิดไปเอง)



สภาพห้องโดยรวม เมื่อเปลี่ยนม่าน และมู่ลี่แล้ว เห็นได้ว่าอารมณ์ของห้องเปลี่ยนไปมากพอสมควรแล้วทีเดียวครับ

จากนั้นก็ทำการปูพื้นใหม่ครับ จริงๆ เรื่องของการปูพื้นนี่ผมอยากได้พื้นเป็นไม้มาตั้งนานแล้ว แต่ด้วยเมื่อก่อนงบประมาณค่อนข้างจำกัด เลยต้องเลือกเป็นกระเบื้องแทน ความฝันจะมีห้องนอนพื้นไม้ก็พังทลายลงไปนับตั้งแต่วัยเยาว์ จนมาวันหนึ่งผมได้พบกับสิ่งที่เรียกว่า "กระเบื้องยางลายไม้" คุณพระ! เหมือนโชคชะตานำพาเรามาให้เจอกัน (เริ่มเว่อร์แล้ว) เพราะสามารถปูทับพื้นกระเบื้องเดิมได้ทันที แถมดูแลรักษาง่าย เพราะพื้นผิวเป็นวัสดุสังเคราะห์ ผมจึงสั่งกระเบื้องยางลายไม้สีส้มๆ มาปูห้องในบันดล



ตอนช่างกำลังปูพื้นนี่ตื่นเต้นมากครับ ตามประสาคนอยากอยู่ในห้องพื้นไม้มานาน ถึงแม้จะไม่ใช่ไม้จริง แต่ผิวของกระเบื้องยางและลวดลายก็ทำให้ฟินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว



และแล้ว พื้น + ม่าน + มู่ลี่ ก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว พอเหลือแต่ห้องเปล่าๆ ก็รู้สึกเหมือนได้ห้องใหม่มาเหมือนกันนะ



อันนี้ให้ดูระหว่างประตูห้องนอน กับพื้นบ้านด้านนอกครับ เรียกว่าปูทับกันจะๆ โชว์รอยต่อให้เห็นกันแบบเนี้ยแหละ เปิดประตูห้องเข้ามาแทบจะเป็นโลกใหม่กันเลยทีเดียว



จากนั้น เตียงที่สั่งไปก็มาส่งครับ จริงๆ มาเร็วไปหน่อย เพราะยังจัดการห้องไม่เรียบร้อยเลย แต่บ้านไม่มีที่ไว้แล้ว เลยต้องเอามาลงแล้วล่ะ เดิมทีเตียงที่ห้องเป็นแบบ 5 ฟุตครับ แต่ขอบเตียงกว้างมากระดับเตียง 6 ฟุตเลย ดังนั้นพอเปลี่ยนเตียงใหม่ เลยเลือกเตียง 6 ฟุต ขอบแคบๆ แทน ซึ่งขนาดความกว้างเท่ากับตัวเดิมเลย แต่ได้ฟูกใหญ่ขึ้น นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างสนุกสนาน ส่วนหัวเตียงผมเลือกเป็นหนังสีดำแบบนิ่มครับ กะว่าจะเอาไว้หนุนอ่านหนังสือก่อนนอนสบายๆ อะไรแบบนั้น



ส่วนหลังเตียง เว้นที่ไว้วางโต๊ะยาวที่เล็งจะซื้อเร็วๆ นี้ ตัวเตียงกว้าง 2 เมตรครับ ดังนั้นโต๊ะต้องยาวประมาณ 1.8 เมตร ซึ่งตอนนี้เจอแล้วตัวนึงพอดี แถมความลึกแค่ราวๆ 40 ซม. จะทำให้ประหยัดพื้นที่เชิงลึกได้พอสมควร เน้นความยาวแทน ตรงนี้เคยไปนอนโรงแรมที่มีโต๊ะอยู่หลังเตียง รู้สึกชอบมาก เลยเอามาทำตาม (ประมาณว่าทำงานง่วงๆ ก็กระโดดข้ามโต๊ะไปนอนบนเตียงเลย ฮ่าๆ)



หลังจากนั้นก็เลือกวอลเปเปอร์ครับ ผมเลือกสีเทาเรียบๆ ตรงด้านที่เคยมีตู้วาง เพราะเดี๋ยวก็จะมีตู้มาบังอยู่แล้ว เลยเน้นเอาถูกๆ ไว้ก่อน 



ส่วนผนังด้านหัวเตียงและปลายเตียง เลือกวอลเปเปอร์ลายอิฐสีเทา เพราะชอบสีโทนนี้อยู่แล้ว อยากให้ห้องมันดูขรึมๆ มีลูกเล่นขึ้นมานิดนึง ก็รื้อมู่ลี่ออกก่อน เดี๋ยวค่อยติดเข้าไปใหม่



ผนังอีกข้างก็ติดลายอิฐเช่นเดียวกัน สังเกตได้ว่า วิวของหน้าต่างบานนี้คือบ้านคนอื่นเต็มๆ ไม่มีอะไรเจือปน มูลี่ฝั่งนี้เลยน่าจะปิดไปยาวๆ เลย



เริ่มติดวอลเปเปอร์ตั้งแต่เที่ยงๆ เสร็จอีกทีก็หกโมงเย็นเลยครับ เริ่มเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ห้องของผม ^_^



ระหว่างรอเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ก็ทำความสะอาดรอไปก่อน ปล่อยหุ่นยนต์ลงไปช่วยดูดฝุ่นอีกแรง (ชั่วโมงแรกหุ่นแทบสำลักฝุ่น เพราะเยอะมาก ฮ่าๆ) พอปิดไฟดวงสว่างๆ ให้เหลือแค่ไฟดาวน์ไลท์ ห้องก็ดูขรึมขึ้นมาทันที ส่วนโต๊ะคอมข้างเตียงเอาของเก่ามาใช้ชั่วคราว รอของใหม่ครับ



และแล้วเฟอร์นิเจอร์อีกล็อตก็มาส่งครับ โดยผมได้สั่งตู้เสื้อผ้าขนาดความกว้าง 160 ซม. ไป 2 ตู้! ซึ่งข้างในมีการแบ่งกันโซนเก็บของให้ค่อนข้างลงตัว และมีลิ้นชักให้เก็บของจุกจิกได้อีก ผมเลือกสีน้ำตาลดำ ที่ดูตอนสว่างๆ จะเห็นน้ำตาลหน่อย แต่พอค่ำๆ จะดูเหมือนสีดำ ขรึมมาก ชอบเลย

ส่วนเตียงดันไปชิดที่ผนังด้านบนก่อน เพราะตู้ใหญ่ ต้องใช้พื้นที่ประกอบเยอะพอสมควร



ช่างก็เข้ามาช่วยประกอบกันให้เต็มที่ ตู้ใหญ่มากครับ พอประกอบเสร็จสองตู้ก็เอามาวางเรียงติดกัน ซึ่งการที่ผมเลือกตู้แบบบานสไลด์ก็เพราะว่าแบบห้องที่ผมออกแบบไว้ในใจ เตียงนอนจะใกล้กับตู้มาก ทำให้เปิดบานพับไม่ได้ ซึ่งพอเอาตู้ใหญ่มาเรียงกันก็ดูอลังการงานสร้างขึ้นมาทันที คล้ายๆ บิลท์อินเหมือนกันนะ



ถัดมาจากตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่มาก 2 ตู้ ที่ความยาวรวมกันก็ 3.2 เมตรเข้าไปแล้ว (แค่ตู้เสื้อผ้ากินไปครึ่งห้องแล้วคร๊าบ) ผมก็ยังจะสั่งตู้เสื้อผ้ามาลงอีก แต่ตัวนี้ผมเลือกแบบความยาว 90 ซม. ครับ และเลือกหน้าบานเป็นกระจกคู่ สำหรับเอาไว้ส่องเวลาแต่งตัว และจากการจัดตำแหน่งเตียงนอน ตัวหน้าบานของตู้เสื้อผ้าตู้นี้จะเปิดออกมาได้ 90 องศาและพอดีกับขอบเตียงเป๊ะๆ (เพราะพ้นระยะแล้ว) เท่ากับว่าตอนนี้แนวตู้เสื้อผ้าจากหัวเตียง มาปลายเตียงก็ 4.1 เมตรแล้วครับพี่น้องงง



แต่ตู้เสื้อผ้าที่บานเป็นกระจก ผมสั่งทำแบบด้านในไม่เอาราวแขวนครับ แต่กั้นเป็นชั้นวางของจำนวน 3 ชั้นแทน และใช้กล่องพลาสติกจัดของให้เป็นระเบียบอีกที เสื้อผ้าน่ะ 2 ตู้ก็เหลือๆ แล้ว ดังนั้นตู้สุดท้ายผมเลยกะเอาไว้เก็บของทุกอย่าง ที่จะทำให้ห้องไม่สวยไว้ในนี้ และใช้งานเป็นกระจกแต่งตัวไปด้วยเลย



ต่อมาก็ถึงคราวชั้นวางทีวีกันบ้าง เนื่องจากโซฟาที่จะมาอยู่ปลายเตียง (ของยังไม่มาส่ง) ค่อนข้างจะเตี้ย และทีวีที่จะมาวางขนาดค่อนข้างใหญ่ประมาณ 46" ผมเลยคิดว่าชั้นวางทีวีอาจจะต้องเตี้ยๆ หน่อย เลยไปสั่งทำชั้นวางโครงสีน้ำตาลเข้ม สีเดียวกับตู้เสื้อผ้า และเลือกหน้าบานเป็นสีขาวตัดกันซักหน่อย ไม่งั้นมันจะดูมืดไป สุดท้ายก็ได้ชั้นวางทีวีเรียบๆ ดูมินิมอล อยู่อีกปลายผนัง 



ถอยออกมาจากเตียงให้ดูนิดนึง จะเห็นว่าห้องเริ่มดูขรึมๆ มืดๆ แล้วครับ ระหว่างรอโต๊ะยาวหลังเตียงก็ทำงานบนโต๊ะตัวเก่าแก้ขัดไปก่อน



แอบมายืนหลังเตียง ถ่ายออกไปหน้าเตียงดูบ้าง ถ้าเอาทีวีมาตั้งปุ๊ป จะสามารถนอนดูได้อย่างสบายมากๆ หรือจะนั่งโซฟาปลายเตียงดูก็ได้ (พยายามเลือกโซฟาให้เตี้ยที่สุด เพื่อที่จะได้ไม่บังตอนดูจากบนเตียง)

และนี่คือภาพเปรียบเทียบระหว่าง Before และ After จนถึงล่าสุดครับ จะเห็นได้ว่าแค่นี้ก็มาไกลมากแล้ว จากห้องเดิมๆ ที่ใช้โทนสีธรรมชาติ กลายมาเป็นห้องสีโทนขรึม ตัดกับสีส้ม, น้ำตาล, และลวดลายอิฐเก๋ๆ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกมีความสุขครับ ^_^



ของทุกอย่างที่เห็นในรูปแรก ที่ดูรกอยู่เต็มห้อง ตอนนี้ยัดเข้าไปในตู้บานกระจกได้ทั้งหมดครับ ดูหายรกขึ้นมากพอสมควรเลยทีเดียว (แถมเหลือที่ให้เก็บอีกเยอะเลยครับ รวมถึงพื้นที่ในตู้เสื้อผ้าที่เหลืออีกเพียบเลย)

ส่วนตอนนี้ยังขาดเฟอร์อีกไม่กี่อย่าง เช่นโซฟา, โต๊ะยาวหลังเตียง, และของตกแต่งพวกโคมไฟและพรม โดยบางอย่างสั่งซื้อไปแล้ว กำลังจะมาเร็วๆ นี้ บางอย่างก็กำลังเลือกๆ อยู่ เร็วๆ นี้จะเอาอัพเดทล่าสุดมาให้ดูกันนะครับ ขอบคุณที่ติดตามมาจนถึงตอนนี้ครับ ^_^


ที่มา รีวิว คอนโด