รีโนเวทโฮมออฟฟิศ
สวัสดีครับ ต้องขอออกตัวไว้ก่อนว่า นี่เป็น review แรกแบบเป็นจริงเป็นจังของตัวเองนะครับ ก่อนอื่นต้องขอเกริ่นที่มาสักนิดนะครับ ปกติส่วนตัวชอบดูพวกงาน Interior และแบบบ้านสวย ๆ เพราะตอนสมัยเด็ก จริง ๆ อยากเรียน Interior Design มากครับ ได้แต่เก็บความฝันที่อยากจะมีบ้านที่มีโอกาสได้ออกแบบเองทั้งหลังครับ หรือออกแบบตกแต่งภายในเองถ้าเรามีโอกาส และแล้ววันนี้ก็มีโอกาสได้ทำอะไรบางอย่างที่เราอยากทำครับ ก็คือการออกแบบตกแต่ง Office ของตัวเองครับ
Office หลังนี้จริง ๆ ย้ายมาอยู่ได้สัก 3-4 ปีแล้วครับ และได้ทำการตกแต่งไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ตอนนั้นด้วยงบประมาณ และระยะเวลาที่ค่อนข้างเร่งมาก ๆ งานที่ออกมา เลยยังไม่ใช่แนวที่เราอยากได้จริง ๆ ไม่ใช่ผู้รับเหมาไม่ดีนะครับ แต่พอได้ลองอยู่จึงรู้ว่า Function บางอย่างมันไม่ได้ใช้ และก็ไม่เหมาะกับ Office ด้วยครับ
ก่อนจะไปต่อ ต้องขอเล่า background Office ซักนิดนะครับว่า Office ของผมเป็น Digital Agency เล็ก ๆ ครับ เพราะฉะนั้นอยากให้งานที่ออกมาดูมีความสร้างสรรค์ ภายใต้ข้อจำกัด Office ที่เป็น Town home และอยากให้ Mood & Tone ที่ออกมาทำให้คนที่อยู่มี energetic ในการทำงานด้วยครับ
โดยแนวที่ส่วนตัวชอบจริง ๆ ก็คือแนว Loft ครับ ก็คิดว่าน่าจะเป็นแนวที่หลาย ๆ คนชอบ แต่ก็แอบกลัวมันจะนิ่งเกินไป ก็เลยพยายามหาแบบงานตัวอย่างมากขึ้นเพื่อเอามาผสมผสานให้ออกมาได้ตรงใจเราที่สุด และหวังว่าจะตรงใจ ผู้ร่วมงานด้วยครับ ^^
เริ่มจากลองหา Reference ดูครับ ซึ่งยิ่งดูก็ยิ่งบรรเจิดครับ แหม...อยากจะมีที่ดินเปล่า สร้าง Office เองเสียจริง ๆ ครับพูดเลย ดูแล้วจินตนาการทะลุไปถึงดาวพลูโต ไอ้โน่นก็ดี นี่ก็สวย แล้วก็อาศัยไปดูตามบ้านตัวอย่าง แล้วถ่ายเก็บ ๆ ไว้ครับ
หลังจากได้ idea คร่าว ๆ คราวนี้ก็จับดินสอ เริ่มร่างแบบที่เราอยากได้ครับ ข้อดีอย่างหนึ่งของงานนี้ก็คือ ผมออกไอเดียเรื่องแบบให้เองทั้งหมด โดยกำหนดว่าตรงไหนต้องการอย่างไร แต่ก็ยังต้องหา interior มาช่วยงานนี้ครับ เพราะผมจะไม่แม่นเรื่องเทคนิคบางอย่างว่าทำได้หรือไม่ครับ รวมทั้งให้ช่วยในเรื่องการถอดแบบ และทำ spec ให้ผู้รับเหมาครับ ถ้ามีเวลาก็อยากจะทำเองครับ แต่ดูทรงแล้ว ขืนดันทุรัง 2 ปีจะเสร็จเปล่าไม่รู้
ก่อนเริ่มงาน ผมก็ sketch แบบ คร่าว ๆ ด้วยมือให้ Interior ครับ แล้วก็ระบุ รายละเอียด detail ของแต่ละจุดว่าต้องการอะไรบ้าง แล้วก็ให้เค้าไปทำแบบ perspective มาให้ดูครับ
ส่วนชั้น 3 เป็นห้องทำงานของผมเองครับ ^^ ตรงห้องน้ำทำการปิดไม่ได้ใช้งาน เพื่อแก้ฮวงจุ้ยครับ (มีคนแนะนำ) เดิมตรงแผงสีแดงจะเป็น กระจกฝ้า ผมเลยกรุผนังใหม่แล้ว print inject เป็น graphic เพื่อบังส่วนที่เป็นกระจก แล้วใช้เป็นที่วางพระพุทธรูป ส่วนด้านในสุดจะเห็นทำชั้นวาง ตรงนั้นพอเอาเข้าจริง ไม่ได้ใช้งานเท่าไหร่เลยครับ T^T ทุกวันนี้เอาไว้ให้ฝุ่นจับเล่นซะงั้น
เริ่มด้วยภาพ ชั้น 1 ครับ จากรูปแบบเดิมจะเห็นว่าตรงส่วนห้องน้ำ จนถึงห้องใต้บันได ผมออกแบบให้เป็นผนังยาวติดกัน แล้วทำประตูเลื่อนเพื่อปิดส่วนห้องใต้บันได ซึ่งจะเห็นว่าส่วนนี้จะมี build ชั้นวางเพิ่มเข้าไปตามรูป F-2 ครับ ส่วนผนังกันทำเป็นกระจกฝ้า ใช้สำหรับเขียน Note เวลาเราประชุมงานกันเล็ก ๆ ที่ชั้น 1 จะได้เห็นพร้อม ๆ กัน แล้วใช้งานได้มากกว่าแค่เป็นประตูเลื่อน
ส่วนคานบนแทนที่จะปล่อยเป็นคานไปเฉย ๆ ผมให้ช่างกรุไม้อัด ทำเลียนแบบเหล็ก H-Beam หรือ I-Beam เพื่อให้ดูดิบ ๆ แล้วก็เข้ากับ style ที่อยากได้ ส่วน ผนัง 2 ฝั่งก็ทำการก่ออิฐ และกรุ วีว่า บอร์ด เพิ่มเติมเข้าไปอีกที แล้วก็จัดการดึงฝ้าลอย แล้วฝัง down light แทนโคมห้อยแบบเก่า ที่ค่อนข้างเกะกะ
มีเพิ่มเติมส่วนด้านหลัง ทำการยกพื้นและกรุผนังวีว่าโดยรอบ เพื่อช่วยกันแดดและกันฝน และยังเพิ่มพื้นที่ในส่วนพักผ่อนได้อีกด้วยครับ ส่วนเคาน์เตอร์เดิม ให้ช่างสกัดกระเบื้องเดิมออก แล้วฉาบปูนดิบ พร้อมทำระแนงไม้บังตา เพื่อกั้นเป็นส่วนล้างหรือทำความสะอาดครับ
ส่วนงานชั้น 2 ยังคงใช้เป็นห้องทำงานเล็ก และห้องประชุม เช่นเดิมครับ ส่วนของห้องทำงานเล็กก็ทำการกรุผนังวีว่า แต่เพิ่มส่วนของกล่อง H-Beam ทำเป็นชั้นวางของหรือชั้นหนังสือไปในตัว แล้วก็ build ตู้เก็บเอกสารเพิ่มเติม เพราะจะใช้เป็นห้องที่เก็บ server และอุปกรณ์สำนักงานด้วย
ส่วนห้องประชุมมีการเพิ่มเติม function ของ pantry เข้าไป เพราะปัญหาเดิมคือไม่ค่อยมีพื้นที่สำหรับให้พนักงานนั่งทานข้าวเป็นสัดส่วน แล้วจะได้ใช้ห้องนี้เป็นห้องพักผ่อนช่วงเวลาสั้น ๆ ได้ด้วย
ส่วนของการออกแบบ ผมออกแบบเคาน์เตอร์ให้เป็นเหล็ก H-Beam ด้านหลังเป็นผนังก่ออิฐ ส่วนของฝ้า ตีกล่อง H-Beam เพื่อทำเป็นรางไฟครับ ส่วนผนังอีกฝั่ง ทำเป็นกระจกฝ้าสำหรับใช้เขียน Note ในการประชุม
ผ่านไป 2 วันงานโครงเหล็กก็เสร็จแล้วครับ \ ^^ / งานปูพื้นก็ทำไปเกือบเสร็จแล้วครับ วัสดุพื้นผมใช้เป็นไม้สำเร็จรูปครับ เพราะน่าจะง่ายต่อการดูแลรักษาครับ
เคาน์เตอร์เดิมเป็นกระเบื้องถูกสกัดออกหมดแล้วครับ ทำเป็นปูนดิบฉาบทับผิวเดิม แต่เพิ่มเส้นขอบอะลูมิเนียมเข้าไป บริเวณขอบเคาน์เตอร์ จะได้ไม่ดูจืดเกินไป ระหว่างนี้ก็รอปูนแห้งครับ
ตอนนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นแล้วครับ งานกรุต่าง ๆ เริ่มลงสีรองพื้น และขัดสีเพื่อรอพ่นสีครับ ตรงส่วนคานบน ช่างเริ่มกรุกล่องเลียนแบบเหล็กขึ้นมาแล้วครับ ตรงนี้ใช้เวลานานพอควรในการทำแบบ และเตรียมพื้นผิวครับ เห็นช่างขัดอยู่ฝุ่นเยอะมากกกกก ><” ต้องคอยอพยพ พนักงานออกไปหลบฝุ่นเรื่อย ๆ
ระหว่างนี้ก็ชะโงกไปดูงานภายนอกซะหน่อยครับ งานยกพื้นด้านนอกเสร็จแล้วครับ เหลืองานทาสีพื้น และทาสีโครงเหล็ก รวมทั้งผนังภายนอกใหม่ ไหน ๆจะต้องทาสีแล้ว ความคิดเริ่มจะเลยเถิด อยากจะทาสีใหม่ทั้งภายนอกซะใหม่เลยใช้วิชา Photoshop จับคู่สีดู จะได้ง่ายเวลาไปเลือกสีจริง ๆ
เข้าไปถึงก็งง ๆ เล็กน้อยครับ ต้องเดินเดินไปถามพนักงาน หาสี ICI อยู่ตรงไหน แบบว่าหลายยี่ห้อไปหมดหาไม่เจอ เราก็เพิ่งถึงบางอ้อว่า ICI มันคือ Dulux นี่เองถ้า PC ไม่บอกคงเดินเงิบอยู่นาน
หลังจากเจอพิกัดสีแล้ว ก็เอาตัวอย่างสีให้พนักงานดู แล้วก็จิ้มพื้นที่โดยประมาณ เพื่อให้เขาคำนวณสี เราก็เพิ่งรู้ว่าสี 1 กระป๋อง มันต้องมีสี Base ก่อนเพื่อจะไปผสมกับแม่สี ถ้านึกไม่ออกก็เหมือนมีสีขาวอยู่กระป๋องนึง แล้วเราอยากให้สีขาวเป็นสีอะไร เราก็ใส่แม่สีนั้น ๆ ไป แต่ยังไม่เพียงเท่านั้น base มันมีหลายชนิด หลาย grade อีก โอ้วววว
พนักงานคำนวณพื้นที่ให้ ได้ความรู้ใหม่ว่าการทาสีนั้นต้องทาทับอย่างน้อย 2 เที่ยว แต่สีขนาด 3 ลิตรทาได้ 30 ตร.ม. แต่เนื่องจากต้องทา 2 เที่ยว เท่ากับว่าสี 3 ลิตร เหลือทาได้ประมาณ 15 ตร.ม. ครับ
สรุปเลือก Dulux ครับ สีภายนอกเป็น Weather shield ultima เห็นเขาว่ามันทนทุกสภาวะ สีสวยยาวนานด้วยเทคโนโลยีของเค้า (จริงไม่ค่อยรู้เรื่องเทคโนโลยีสีเขาหรอกครับ พอจะทาสีขึ้นมาจริง ๆ เลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติมมาครับ มันคือ colour lock เข้าใจว่าล็อกสีให้สดใสยาวนาน นานแค่ไหนคงต้องลองดู 5555) เพราะจากสภาพสีเดิมที่โครงการให้มามันทั้งซีดทั้งลอกหมดแว้ว
ส่วนสีภายในเลือกเป็น Dulux easy care ครับ เพราะทาภายในเอาสีภายนอกมาทาราคาจะดูรุนแรงไปหน่อย พนักงานขายแนะนำว่าเช็ดล้างได้ ทาเช้า เย็นอยู่ได้เลย ชอบตรงนี้ 555 งานรีบ พูดเลย ลองเลือกสีดูก่อน เอาตัวอย่างสีมาเทียบกับแบบที่ Print มา
หลังจากลองเลือกตัวอย่างสีคร่าว ๆ ก็เอาไปให้ พนักงานลองเทียบ base และประเมินราคาครับ เป็นความรู้ใหม่ของผมน่ะครับ ว่าเฉดสีแต่ละสีก็จะใช้ base แตกต่างกันครับ เช่น สีอ่อนใช้ base A กับ B สีเข้มใช้ base C กับ D ซึ่งข้างกระป๋องจะแปะบอกไว้ แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าใช้ Base ตัวไหน ฮ่า ๆ ง่ายมากครับ เลือกสีไปให้พนักงานขายลอง จิ้มดูเลยครับ
สรุปงานสีภายนอกก็ทำแบบให้ ผู้รับเหมาอีกที กันพลาด และเพื่อความเข้าใจตรงกัน
งานสีภายนอก Dulux Weathershield
สีดำ Dark Secret Dulux 00YY 05/000
สีน้ำตาล Spice Island Dulux 00YY 19/464
สีเทาอ่อน Grey Pennant Dulux 30BB 31/022
สีเทา Obsidian Glass Dulux 00NN 13/000
สีแดง O’hra Dulux 19YR 14/629
สีเทาเข้ม Deep Onyx Dulux 00NN 07/000
สีขาว Treasured Moment Dulux 40YY 83/043
งานสีภายใน Dulux easycare
สีเหลือง Carotene Dulux 97YR 44/642
สีแดง O’hra Dulux 19YR 14/629
สีเทาเข้ม Obsidian Glass Dulux 00NN 13/000
สีเทาอ่อน Icon Grey Dulux 00NN 81/100
ตอนนี้งานภายในเริ่มมีการแปะผิวลามิเนต พ่นสีคาน และก่ออิฐผนังกำแพงแล้วครับ ฝ้าก็ยกขึ้นไปติดตั้งแล้วเช่นกัน
งานยกพื้นนอกบ้าน ส่วนใหญ่เสร็จแล้ว โครงเหล็กเปลี่ยนเป็นสีแดงเพื่อความแจ่มว้าว ที่เหลือคือส่วนงานเดินไฟ
ชั้น 2 แล้วครับ อันนี้มาชั้นแรกสียังด่าง ๆ อยู่ น่าจะต้องซ้ำ 2-3 เที่ยว ช่างบอกสีแดงต้องซ้ำเยอะหน่อยครับ กรุณาดู Feeling ช่างสี 555
หลังจากงานไฟส่วนใหญ่เข้าที่เข้าทางก็ลองจัดวางโต๊ะและเก้าอี้ดูครับ พร้อมเพิ่มไฟ LED รอบฝ้า ทำให้เพิ่มแสงขาวในการทำงานดีขึ้นครับ
ตอนนี้งานชั้น 1 ใกล้เสร็จแล้วก็เริ่มงานชั้น 2 ไปได้พอสมควร เสียดายจริง ๆ ช่วงนั้นไม่ค่อยได้อยู่ Office ไม่มีเวลาเก็บภาพทุกได้ step T^T เริ่มด้วยงานก่อผนังอิฐ และงานเคาน์เตอร์ห้องทานข้าวครับ
งานผนังอิฐเสร็จก็มีการเก็บสีผนังใหม่ด้วยครับ ใช้สีตัดกัน เหลือง เทา ตัดเคาท์เตอร์แดง จะได้ดูไม่น่าเบื่อครับ ในใจมีแวบคิดร้อนแรงไปไหมเนี่ย 555 ส่วนด้านผนังสีเหลืองจะวางกระจกฝ้า ไว้ทำเป็น White Board
สรุปภาพรวม Before & After
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น